หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คิดถึงคนบนฟ้า

ดวงใจหายไป. กำลังใจหายตาม. หวังที่โบกำลังพยายาม. เหมือนจะหายตามท่านไป. 
คนสำคัญในชีวิต. คนที่เป็นแรงใจให้ลูกมีแรงทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อมีความสุขภูมิใจในตัวนุ้ยในวันนี้ไม่มีแล้วกำลังใจที่ลูกจะได้โทรหาได้ไปหาได้กอดได้หอมได้ทำไรกินกันและอีกมากมายนึกขึ้นมาแล้วใจหายเสียแม่ไปแล้วพ่อก็จากไปอีกคนมันแทบใจสลายเรียวแรงไม่มีจะก้าวต่อตอนนี้คงมีแต่เวลาที่จะช่วยหนูไม่รู้ต้องใช่กี่วันกี่เดือนกี่ปีที่จะพูดถึงนึกถึงโดยไม่ร้องไห้.....คิดถึงมากรักมาก

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

เหลือแค่ความทรงจำ



บางครั้งเราจะสามารถรับรู้ ถึงคุณค่าที่แท้จริงของช่วงเวลาเหล่านั้นได้ก็ต่อเมื่อมันได้กลายเป็นเพียงแค่...ความทรงจำ


ความคิด

ว่าคนเรามีความคิดมากมายอยู่ที่จะทำหรือฝันตามที่ได้คิดไว้หรือไม่คิดได้แต่ทำไม่ได้แต่หากคิดแล้วลงมือทำความฝันนั้นอาจเป็นจริงในสักวัน

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คุณว่าจริงไหม

ว่าด้วยรัก
คนที่รักเราจริง...ไม่ใช่คนที่คิดว่าเราดีที่สุด...แต่เป็นคนที่ถึงแม้จะเจอใครคนอื่นที่ดีกว่าเรา...แต่เค้าก็จะยังเลือกเราอยู่ !!! "

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บ่ได้ฮัก

อารมณ์ คิดฮอด

คิดถึง ซึ่ง น้ำตาไหล

ความรักที่ยิ่งใหญ่
      

เงิน. 20,000

ให้ 20,000

สามีภรรยากำลังเตรียมตัว จะออกไปข้างนอก 

ขณะที่ภรรยาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และสามีกำลังโกนหนวดอยู่ 

ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น 

"ออกไปดูหน่อยได้ไหม ?" สามีบอก 

ภรรยาจึงสวมเสื้อคลุมอาบน้ำไปที่ประตูทั้ง ที่ผมยังเปียกอยู่ 

เมื่อเปิดประตูเธอก็เห็นเพื่อนบ้านข้างๆ ยืนอยู่ 

เขามองดูเธอครู่หนึ่งแล้วพูดว่า 

"ผมจะให้คุณ 20,000 บาท 

ถ้าคุณเปิดเสื้อคลุมนั่นให้ผมดู" 

เธอหยุดคิดครุ่หนึ่งว่า 20,000 

มันก็ง่ายดีนะ แถมไม่มีใครรู้ด้วย 

เธอจึงเปิดเสื้อคลุมให้เขาดู 

หลังจากที่เขาดูอยู่นาน เขาก็ให้เงินเธอ แล้วก็กลับบ้านไป 

เธอสวมเสื้อคลุมแล้วปิดประตู 

สามีได้ยินเสียงประตูจึงตะโกนถามว่า "ใครเหรอ ?" 

บ้านข้างๆ น่ะ" เธอตอบ

สามีถาม "แล้วเค้าเอาเงินที่..ยืมผมไป 20,000 มาคืนด้วยหรือเปล่า..ที่รัก?"

งูที่น่ารัก

กว่าจะได้ภาพนี้มาพี่ต้องใช่ความกล้ามาก

เมื่ออยากกินต้องกิน

เมนูแซบฝีมือตัวเองค่ะ

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ตัวเรามีค่าเสมอ




อาจารย์คนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ..
ออกมาให้นักศึกษาดู แล้วถามว่า “มีใครอยากได้บ้างไหม” ทุกคนรีบยกมือ \(^o^”)a

อาจารย์ขยำธนบัตรนั้น “จบยับยู้ยี่” .. แล้วถามอีกครั้งว่า “มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่”
.. ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม .. \(^_^)/
… อาจารย์ถามต่ออีกว่า “ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก 
ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่” .. นักศึกษาทุกคน ก็ตอบว่ายังอยากได้ …..อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า ..
“นั้นคือสิ่งมีค่า” ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้! .. ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็ยังคงจะมีราคา 1,000 บาท 
อยู่เสมอ .. ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน
บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใคร ซ้ำเติม, เหยีบย่ำ, ถูกขยี้, ยับเยิน, ..
เพราะความผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเอง “ไร้ค่า”
แต่ รู้มั้ย?.. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี “คุณค่าของความเป็นคน” ..
ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือว่า ยับยู้ยี่ .. “ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ” จำไว้ ^^ 

ธนาคารเวลา


บทความนี้ เมื่อท่านอ่านจบ ให้ถามตัวเองว่า
” สิ่งไหนที่สำคัญ สิ่งนั้นทำแล้วหรือยัง ? ”
” คนไหนที่เรารัก ทำดีกับเค้าแล้วหรือยัง ? ”
ลองจินตนาการว่ามีธนาคารแห่งหนึ่งเข้าบัญชีให้คุณทุกเช้า เป็นเงิน 86,400 บาท ไม่มีการยกยอดคงเหลือไปวันรุ่งขึ้น 
ทุกตอนเย็นจะลบยอดคงเหลือทั้งหมดที่คุณไม่ได้ใช้ระหว่างวัน 
คุณจะทำอย่างไร? แน่นอนที่สุดคุณต้องถอนมาใช้ทุกบาททุกสตางค์ ใช่ไหม!!!
เราทุกคนมีธนาคารอย่างนั้นเหมือนกัน ธนาคารแห่งนี้ชื่อว่า “เวลา” มันเข้าบัญชีให้คุณ 86,400 วินาที 
ทุกคืนมันจะถูกล้างบัญชีถือว่าขาดทุนตามจำนวนที่คุณพลาดโอกาสที่จะลงทุนในสิ่งดีๆ มันไม่สะสมยอดคงเหลือ 
ไม่ให้เบิกเกินบัญชี ในแต่ละวันจะเปิดบัญชีใหม่ให้คุณ ทุกค่ำคืนจะลบยอดคงเหลือของทั้งวันออกหมด 
ถ้าคุณเสียโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ในระหว่างวัน ผลขาดทุนเป็นของคุณ ไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้ 
ไม่มีการถอนของ “วันพรุ่งนี้” มาใช้ได้ คุณต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยยอดเงินฝากของวันนี้ 
ให้ลงทุนจากเงินฝากเหล่านี้เพื่อได้ผลตอบแทนมาสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อสุขภาพ ความสุข และความสำเร็จ! 
นาฬิกากำลังเดิน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ทำทุกขณะที่คุณมีให้มีคุณค่า! และจำไว้เสมอว่าเวลาไม่คอยใครแม้สักคนเดียว เมื่อวานเป็นอดีต 
พรุ่งนี้ยังยากที่จะอธิบาย วันนี้เป็นของขวัญ เราจึงเรียกว่า “Present



วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ด้วยความรักและกตัญญู



1000บาทเลี้ยงหัวใจพ่อแม่

...เงิน 1000 บาท เลี้ยงหัวใจแม่ อาจารย์ของผมท่านได้ให้ เงินเดือนพ่อและแม่ เดือนละ1000บาท เป็นประจำทุกเดือน ผมสงสัยทำไมต้องให้เงิน พ่อแม่เดือนละ 1000. บาท? ในเมื่อแม่ก็อยู่บ้าน หลังเดียวกับอาจารย์อยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับท่าน อาจารย์ก็จัดการทั้งหมดอยู่แล้ว วันหนึ่งสบโอกาศผมจึงตัดสินใจ ถามอาจารย์ ว่า "อาจารย์กำลังทำอะไรครับ?" อาจารย์ตอบว่า "ผมกำลังตัดรายจ่ายอยู่...ผมต้องจ่ายค่าแม่ครัว คนขับรถ คนสวน ค่าใช้จ่ายในบ้าน และให้แม่อีกเดือนละ 1000 บาท... ตอนนี้รายได้กับรายจ่ายมัน ไม่ค่อยสัมพันธ์กัน ต้องตัดรายจ่ายลงบ้าง" ผมเลยบอกว่า "เงินเดือนที่ให้แม่ 1000 ตัดได้นี่ครับ... อาหาร 3 มื้อ อาจารย์ก็จัดให้ท่านเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ซื้อให้ใหม่ปีละ 3 ชุด ไม่สบาย อาจารย์ก็พาหมอมาฉีดยาให้ คุณแม่ตาบอดไม่ได้ไปไหน ฉะนั้นเงินเดือน 1000 นี่ ตัดได้ครับ" อาจารย์บอกว่า "ตัดไม่ได้เด็ดขาด...1000 บาทนี่สำคัญที่สุด เพราะ...เป็นเงินสำหรับเลี้ยง หัวใจแม่!" ผมฟังแล้วสะอึก! "เงินเลี้ยงหัวใจแม่"...พวกเราเคยได้ยินไหมครับ? อาจารย์บอกต่อ หัวใจต้องการอาหารที่มา หล่อเลี้ยงให้เอิบอิ่ม เบิกบาน เป็นสุข... คุณลองนึกดู...คนที่ไม่มีเงินอยู่ในตัวเลยนี่ เป็นยังไง? หัวใจมันแฟบ หัวใจมันเหี่ยวเฉา-เหมือนดอกไม้ยามเย็น ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนจะรู้ พอเลยวันที่ 25 ไปแล้วนี่ มันเหี่ยวๆ ยังไงชอบกล ไม่มีเงินค่ารถ..ค่าอาหาร..ซื้อข้าวสาร..มันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน แม่อยู่กับเราก็จริง แต่ถ้าแม่ไม่มีเงินอยู่ในมือนี่ หัวใจท่านเหี่ยว พอถึงวันเงินเดือนออก ทุกคนหน้าบานเหมือนดอก ไม้ยามเช้า จิตใจสดชื่นเบิกบาน มีความสุข รับเงินเดือนมาใหม่ๆหน้า สดใส สั่งกาแฟยังเสียงดัง ฟังชัด ทุกสิ้นเดือนพอเงินเดือน ออก ผมเข้าไปสวัสดีแม่ บอกแม่ว่า วันนี้เงินเดือนออกครับ ผมเอาเงินใส่มือแม่1000 บาท แม่ก็ให้พร เเล้วเก็บเงินไว้ใต้หมอนอย่างมีความสุข" 1000.-บาท เลี้ยงหัวใจแม่อย่างไร? วันหนึ่งน้องของอาจารย์พา ภรรยาไปคลอดลูก คุณแม่ก็ซื้อทองให้หลาน ด้วยเงิน 1000 บาท ที่เก็บสะสมไว้ ท่านกอดหลานสาว...สวมสร้อยให้พร้อมให้พร พอเด็กคนนี้โตพอพูดได้ มีคนถามว่าสายสร้อยนี้ใคร ซื้อให้ เด็กก็จะตอบว่า คุณย่าซื้อให้ชี้มือไปที่คนตาบอด คนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือคุณย่า ไม่ใช่พ่อแม่ เพราะเงิน 1000 บาท นี่ทำให้คนตาบอดดูน่าเกรงขราม ถ้าคุณแม่ไม่มีเงิน จะรับขวัญหลานได้อย่างไร ? เห็นไหมครับ ? ไม่ใช่ว่าพอโตขึ้น มีคนถามว่าคนนี้เป็นใคร เด็กบอกว่ายายแก่ตาบอดที่..มาอาศัยพ่อแม่ฉันอยู่ เห็นหรือยังคุณว่าเงินเดือน 1000 บาทนี่ทำให้คนแก่ตา บอดมีคุณค่าขึ้นมาได้ วันดีคืนดี แม่ครัวล้างชามเสร็จ คุณแม่ก็บอกให้มานวดขาให้แม่ครัวหน้ามุ่ยทำงาน เหนื่อยยังต้องมานวดให้อีก นั่งขยำๆคว่ำหน้า พอนวดเสร็จคุณย่าหยิบ เงินให้ 100 บาท แม่ครัวยิ้มหน้าบาน ยกมือไหว้ ขอบคุณค่ะ วันรุ่งขึ้นพอล้างจานเสร็จ รีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ... วันนี้นวดอีกไหมคะคุณย่า? เห็นไหมเงินเดือน 1000 บาท ที่เราให้แม่ของเรามี ฤทธิ์ขึ้นมาได้มีคนมายกมือ ไหว้ มีคนมาปรนนิบัติ มีคนมานวดให้ ถ้าไม่มีเงินเดือน 1000 บาท นี้แม่เราจะมีฤทธิ์ ได้อย่างไร? บันไดไปสวรรค์ด้วยเงิน 1000 บาท วันหนึ่ง กำนันมาที่บ้านอาจารย์ หารือจะปรับปรุงห้องน้ำ วัดที่ชำรุดทรุดโทรม แม่อาจารย์ได้ยินกวักมือ เรียกอาจารย์ แล้วคุณแม่ยกหมอนขึ้น นับเงินมา 5000 บาท บอกเอาไปให้ กำนันปรับปรุงห้องน้ำ เห็นมั๊ยว่าเงินเดือน 1000 ที่เราให้เป็นบันไดพาแม่ ไปสวรรค์...นี่ถ้าแม่ไม่มีเงินในมือแม่ จะได้ทำบุญไหม? พอกำนันรับเงินเสร็จ ก็เดินผ่านไปบ้านถัดไป ลุงแก่ๆบ้านโน้นกำลังเก็บผ้าอยู่ในบ้าน กำนันตะโกนข้ามรั้ว ทำบุญสร้างส้วมไหมลุง? ลุงข้างบ้านตอบ ลุงไม่มีเงินหรอก ลุงอาศัยลูกสาวเขาอยู่ เดี๋ยวเผื่อลูกสาวเขากลับมาทันจะขอเงินเขาทำบุญเพราะลูกเค้าไม่ได้ให้เงิน เดือนลุง ลุงคนนี้เป็นเพียงแค่คน เก็บผ้าของ ลูกๆ ลุงคนนี้ไม่มีเงิน เพราะลูกเอามาเลี้ยง เอาไว้คอยเก็บผ้า! เป็นยังไงบ้างครับ....เห็นอิทธิฤทธิ์ของเงิน 1000 บาท..."เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยังครับ วันนี้เราให้ "เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยัง ?


นิทานสอนใจ




รูปภาพของ ฝันกลางวัน





เรื่องเศรษฐีกับชาวนา
เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา เป็นสวนกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว
เศรษฐีบอกชาวนาว่า "ท่านเป็นหนี้สินข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ข้า จะยกเลิกหนี้สินทั้งหมดให้"
ชาวนาไม่ตกลง
เศรษฐีบอกว่า "ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาจากสวนกรวดใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว
ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า
แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานกับข้า และแน่นอน ข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย"
ชาวนาตกลง
เศรษฐีหยิบกรวดสองก้อนใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่ากรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำ
เธอจะทำอย่างไร?
หากเธอไม่เปิดโปงความจริง ก็ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง
หากเธอเปิดโปงความจริง เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอก็จะยังคงเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน
ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้น กลืนหายไปในสีดำและขาวของสวนกรวด
เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า "ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้
ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูสีกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่า กรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร"
ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ
"...ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว"
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
"หากเราพยายามมากพอที่จะแก้ไขปัญหา
เราจะพบว่าทุกปัญหาย่อมมีวิถีทางแก้ไขเสมอ"      



วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สังคมวัยเกษียน






 มนุษย์ทุกคนไม่อาจปฏิเสธเรื่องของเวลาได้ วิทยาศาสตร์พยายามเรียนรู้และทดลอง
เรื่องของการย้อนอดีต และการก้าวข้ามกาลเวลา ทั้งนี้เพื่อที่จะเข้าไปแก้ไขอดีตซึ่งผ่านมาแล้ว และต้องการแก้ไขอนาคต ซึ่งยังมาไม่ถึง แต่ตนสามารถเข้าถึงเครื่องมือแห่งอนาคตไดันั่นยังเป็นเพียงแค่จินตนาการของมนุษย์เท่านั้น
จินตนาการเหล่านั้นได้ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของหนังวิทยาศาสตร์ สามารถทำเงินได้มหาศาล เพราะมนุษย์ทุกคนอยากแก้ไขอดีต และอยากรู้กาลล่วงหน้านั่นเอง แต่ละครก็ยังคงเป็นละคร แม้ว่าเรื่องของละครจะเป็นจริงบ้างก็ตาม แต่ก็เป็นส่วนน้อย เพราะละคร มุ่งสร้างความบันเทิงเท่านั้น หาได้มุ่งแสวงหาความจริงไม่
เมื่อเราไม่อาจเข้าถึงคัมภีร์หยุดเวลาได้ เราก็ไม่อาจเข้าถึงอดีต และอนาคตได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะมองเห็นสรรพสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามกฎของไตรลักษณ์ คือ สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา เราเคยเป็นเด็ก เคยเป็นผู้ใหญ่ และหลายคนเริ่มย่างเข้าสู่วัยชรา ซึ่งหลาย ๆคนรับไม่ได้ และพยายามปฏิเสธตลอดเวลา
"ไม๊นะ ฉันยังไม่แก่ อย่ามาพูดเรื่องแก่กับฉันนะ" ใครบางคนตะโกนลั่นใส่หูใครบางคน
เสียงนั้นได้ยินไปถึงหูของนักการตลาด จึงเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆเพื่ออำพรางความแก่ขึ้นมา เช่น ยาย้อมผมดำ อาหารเสริม เครื่องสำอางต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการศัลยกรรมเพื่อความงาม ทั้งนี้เพื่อชะลอความแก่นั่นเอง
เดี๋ยวนี้ มี app ช่วย เวลาเซลฟี่ หลายคนใช้ app ช่วย เพื่อนของฉันคนหนึ่งเอารูปผู้หญิงสวยคนหนึ่งใน สมาร์ทโฟน ให้เพื่อนๆ ดู
เพื่อนคนหนึ่งซึ่งชำนาญเรื่องไอที ตะโกนลั่น "มึงโดนหลอกแล้ว
ภาพนี้อย่างน้อยใช้สอง app"
"พระเจ้าช่วย นี่มันอะไรกัน โลกเจริญไปถึงไหนกันแล้วนี่ ฉันตามไม่ทันมันจริงๆ เลยแยกไม่ออกระหว่างของจริงกับของปลอม" เพื่อนของฉันอุทาน
เมื่อเราอยู่ในสังคมผู้สูงอายุ พวกเขาเหล่านั้น มักพูดว่า น่าอิจฉาเราจริงๆ ที่อายุไม่เยอะ ยังทำอะไรได้ตั้งมากมาย พวกเขามีเงินเยอะแยะมากมาย จะซื้อหาอะไรก็ได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขา มีเวลาในการอยู่บนผืนโลกนี้น้อยเต็มที
"ดูเหมือนว่า เงินกับเวลาเริ่มสวนทางกัน"
"ถ้าย้อนเวลาได้ คุณจะกลับไปแก้สิ่งใดบ้าง" ผมเคยถามผู้สูงอายุหลาย ๆท่าน บางคนพูดว่า
"เมื่อก่อนลำบากมาก ผู้คนดูถูก ไม่ค่อยมีความรู้ ไม่ค่อยมีประสบการณ์ ไม่ค่อยมีเงิน ต้องลองผิดลองถูก ถ้าย้อนเวลาได้ฉันจะขอกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ขอให้มีเงินเท่าเดิมนะ"
"ฉันอิจฉาพวกเธอจริงๆ ที่อายุยังน้อย ๆกัน ยังมีเวลาทำอะไรได้ตั้งเยอะ"
แน่นอนว่า เมื่อคนหนุ่มอยู่ในหมู่คนแก่ หรือผู้สูงวัย พวกเขาย่อมมองคนที่อายุน้อยกว่ายังเด็กมาก บางคนก็มองเด็กด้วยความเอ็นดูและส่งเสริม แต่หลายคนก็จ้องเอาเปรียบเด็ก ซึ่งอ่อนโลกมากกว่า
กิเลสมนุษย์ ห้ามกันไมไ่ด้จริง ๆ อยู่ที่การฝึกจิตตนเอง บางคนยิ่งแก่ยิ่งสะสมกิเลส บางคน ยิ่งแก่ยิ่งปล่อยวาง เราควรเรียนรู้เรื่องที่ดี ๆจากคนแก่ผู้สูงวัย และควรทิ้งเรื่องแย่ ๆของพวกเขาไว้ที่เขา
เมื่อเข้าไปสู่สังคมผู้อ่อนเยาว์และอ่อนโลก พวกเขาย่อมองว่า เด็กในสังคมผู้สูงวัยคนนั้น เป็นคนแก่ เพราะมีอายุมากกว่าพวกเขา เด็ก ๆจะนับอายุกัน เพื่อที่จะได้เรียกถูกว่า ควรจะเรียก ลุง ป้า น้า อา หรือว่าพี่ ถึงจะถูกต้องและเหมาะสม แน่นอนว่า ทุกคนพอใจที่มีคนเรียกตนเองว่า "น้อง" เพราะฟังแล้วยังดูเด็กอยู่เสมอ และคนที่เป็นเด็กมักจะได้รับการเอื้อเฟื้อสิ่งที่ดีงามจากสังคมก่อนเสมอ เพราะเขายังเป็นเด็ก
...แต่เดี๋ยวก่อน..โลกกำลังจะเปลี่ยนไปในยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้เข้มแข็งกว่า กำลังไล่ล่าและบดขยี้ผู้ที่อ่อนแอกว่า พวกเขามี เงินทอง และพละกำลังมากกว่า พวกเขามีเครื่องมือในการเอาเปรียบเราได้มากกว่า นั่นเป็นสิ่งที่ สังคมผู้อ่อนโลกต้องเรียนรู้เอาไว้ให้มาก เรื่องบางเรื่องก็หนักเกินกว่า ที่เด็กน้อยจะรับรู้และเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่ พวกเขาต้องเผชิญด้วยตนเอง แล้วพวกเขาจะรู้ว่า ควรจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะอยู่อย่างเหนือโลกได้
วันหนึ่ง เด็กน้อยจะโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้สูงวัย แล้วก็แก่ชรา
สังคมไทยกำลังย่างเข้าสู่วัยชรา ผู้สูงวัยมีมากขึ้น อนาคตของผู้สูงวัย คือสูงวัยยิ่งขึ้น ส่วนอนาคตของเด็กน้อย คือโตเป็นผู้ใหญ่
โปรดปล่อยวางโลกในมือของผู้สูงวัยเถิด ก่อนที่ท่านจะหมดแรงและไม่มีแรงจะไขว่คว้า โปรดให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ได้คิด พูด และทำ ให้พวกเขาได้ ลุกขึ้นยืน และกล้าแสดงออก ท่านได้แสดงออกมาตั้งครึ่งค่อนชีวิตแล้ว ท่านรู้แล้วว่าโลกเป็นเช่นไร แต่เด็กน้อยยังต้องเรียนรู้โลกอีกมากมาย
โปรดถอยออกมา ให้เด็ก ๆได้แสดง "ละครแห่งชีวิต" ในบทบาทที่เขาอยากแสดง ทุกคนทำได้


มีความสุขของคนโสด



ไม่มีคู่อาจเงียบเหงาบ้าง แต่สามารถมีความสุขได้

รักเอ่ย ,.......................................................................
เธอเอ๋ย พึงจำไว้
การที่หญิงสาวคนหนึ่งจะได้พบกับผู้ชายดีๆคนหนึ่ง ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องมีความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ เพราะเมื่อใดที่ผู้หญิงมีความเป็นผู้ใหญ่พอที่จะพึ่งพาตัวเองได้ เมื่อนั้นก็แปลว่าเธอไม่เคยพบเจอกับผู้ชายดีๆเลยแม้แต่สักเพียงคนเดียว
เธอจงจดจำไว้ การเลือกชีวิตคู่นั้นไม่มีเงื่อนไขอื่นใด นอกเสียจากเลือกคนที่เขารักเธอ ไม่ว่าเขาจะมีเงินมากมายเท่าใด จะมีความสามารถเพียงใด จะหล่อปานไหน จะพูดเก่งยังไง จะฉลาดสักเท่าใด จะกตัญญูอย่างไร ชอบช่วยเหลือคนอื่นสักแค่ไหน? เขาไม่รักเธอ จะมีประโยชน์อันใด!
จิตแพทย์ได้กล่าวไว้ว่า “ต่อให้เธอรักผู้ชายคนนั้นสักแค่ไหน จุดเริ่มต้นของความรักเริ่มจากผู้ชาย หากชายคนนั้นไม่ได้รักเธอ เสียเขาไปคือความคุ้มค่ากว่าเสียอีก”
ไม่มีคู่อาจเงียบเหงาบ้างแต่สามารถมีความสุขได้ เธอสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกได้เพียงลำพัง เธอสามารถพูดคุยกับผู้ชายได้ทุกเพศวัยอย่างสบายใจ เธอสามารถเลือกกลับบ้านหรือไปเดินห้างหลังจากเลิกงานได้ด้วยตัวเธอเอง ความเหงาตอนโสดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิด ที่น่ากลัวที่สุดก็คือเมื่อมีคู่ชีวิตแต่เธอกลับรู้สึกเหงาต่างหาก!
คุณพ่อท่านหนึ่งได้เตือนสติลูกสาวของเขาว่า “คนบางคนเหมาะสมกับลูกแต่เขาไม่รักลูก คนบางคนรักลูกแต่เขาไม่เหมาะสม หากอยากจะรู้ว่าเขารักลูกหรือเปล่า? อย่าใช้หูฟังแต่จงใช้ตามอง ดูว่าเขาทุมเทต่อลูกสักเพียงใด หากอยากรู้ว่าเหมาะสมกันหรือเปล่า? อย่าตัดสินว่าเพราะเขามีอะไร? แต่จงตัดสินจากรอยยิ้มของลูกและน้ำตาที่ต้องหลั่งไปเพราะเขา คนที่ทำให้ลูกร้องไห้อยู่เสมอต่อให้เพียบพร้อมสักแค่ไหนก็อย่าเลือกฝากชีวิตไว้ คนที่ทำให้ลูกยิ้มได้ต่อให้ฐานะยากจนเพียงใดก็คุ้มค่าที่จะฝากชีวิตไว้ จงเลือกเหนื่อยเพราะหัวเราะ อย่าเลือกสบายแต่ต้องร้องไห้ทุกวัน”
ลือกคนที่กล้าเก็บรูปของเธอไว้ในกระเป๋าสตางค์ เลือกคนที่กล้าลงรูปเธอไว้หน้าไทม์ไลน์ของเขา เลือกคนที่กล้าให้เธอรู้ความเคลื่อนไหวของเขา เลือกคนที่เขากล้าทุ่มเทความรักให้กับเธอ
หากการคบหาใคร เขาคนนั้นไม่ได้ทำให้เธอดูดีขึ้นในสายตาใครๆ ขอแสดงความเสียใจด้วยเธอเลือกคนผิดเสียแล้ว! เพราะหากเขารักเธอจริง เขาจะไม่ทำให้ผู้หญิงของเขาดูแย่ในสายตาของใครๆ
ผู้ชายบางคนที่รักเธอเขาต้องการใช้ชีวิตกับเธอทั้งชีวิต ผู้ชายบางคนที่รักเธอเขาต้องการใช้ชีวิตกับเธอเพียงชั่วครู่ คนที่ต้องการใช้ชีวิตกับเธอทั้งชีวิตเขาอาจไม่ได้ซื้อข้าวของหรือบอกรักเธอทุกๆวัน เพราะเขาพยายามสร้างตัวเพื่อเธอและครอบครัว คนที่ต้องการใช้ชีวิตกับเธอเพียงชั่วครู่ เขาจะประเคนทุกสิ่งอย่างให้กับเธอ เสมือนว่าขาดเธอแล้วเขาจะขาดใจ(ซึ่งจริงๆไม่มีใครตายเพราะความรัก มีแต่ตายเพราะความหลงและโง่งมงาย) ดังนั้น ผู้ชายดีๆจะคิดถึงการร่วมชีวิต ผู้ชายเลวๆจะคิดถึงการร่วมหลับนอน
หญิงสาวเอ๋ย เธอรักตัวเองมากเท่าไหร่เธอก็มีค่าต่อตนเองและผู้อื่นมากเท่านั้น อย่าเอาอกเอาใจใครๆจนลืมห่วงใยตัวเอง ชีพหนึ่งไม่ยาวนาน...เธอจงจำไว้ รักตัวเองให้มากหน่อย!





วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สายฝนกับความเหงา


สายฝนมาพร้อมกับความรักความเหงาความเศร้าและความคิดถึง


ทำไมเวลาฝนตก เรามักจะคิดถึงคนที่เรารัก เราผูกพันและบางครั้งก็รู้สึกเหงาด้วย


............................................................................  เมื่อก่อนนี้ ท้องฟ้า แผ่นดิน และผืนน้ำ เป็นเพื่อนรักกัน

ทั้งสามอยู่ใกล้ชิดติดกัน จนกระทั่งโลกได้กำเนิดพืชและสัตว์ขึ้นแผ่นดินและผืนน้ำก็มัวแต่ดูแลเอาใจใส่พืชและสัตว์ จนละเลยและไม่สนใจท้องฟ้า ท้องฟ้าก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ และถอยตัวห่างออกไป ห่างออกไปทุกที จนถึงวันที่มีนกตัวแรกออกโบยบิน  แผ่นดินและผืนน้ำจึงได้รู้ว่าท้องฟ้าได้จากไปไกลแสนไกล แผ่นดินและผืนน้ำพยายามส่งเสียงเรียกท้องฟ้า แต่ท้องฟ้าอยู่ไกลมาก เลยไม่ได้ยิน
นกตัวนั้นจึงอาสาที่จะไปบอกกับท้องฟ้า นกก็บินขึ้นสูง สูงขึ้น สูงขึ้น และส่งเสียงเรียก แต่เสียงนกนั้นเบาเกินไป ไปไม่ถึงท้องฟ้า แต่นกก็สัญญาว่า ต่อไปนี้นกทุกตัวจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อนำข่าวจากแผ่นดินและผืนน้ำไปบอก
ผืนน้ำและแผ่นดินรู้สึกเศร้าใจที่เพื่อนได้ห่างออกไปไกล และคิดถึงเพื่อนเหลือเกิน ผืนน้ำพยายามที่จะม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นครั้งแล้วครั้งเล่า แผ่นดินพยายามยกตัวสูงจนตั้งตระหง่าน แต่นั่นก็ยังสูงไม่พอ ยังไม่ใกล้ท้องฟ้าพระอาทิตย์ซึ่งเฝ้ามองดูเหตุการณ์มาโดยตลอด ก็บอกกับทั้งสองว่า " เราอาจจจะช่วยพวกเจ้าได้ " พระอาทิตย์จึงอาสาช่วย โ่ดยการส่องแสงลงมายังผืนน้ำและแผ่นดิน ทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ลอยไปรวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไปบอกข่าวแก่ท้องฟ้า เล่าเรื่องราวต่างๆเป็นรูปตามที่ แผ่นดินและผืนน้ำได้พบเจอมา และบอกว่าแผ่นดินและผืนน้ำคิดถึงมาก อยากให้ท้องฟ้าลงมาสนิทแนบชิดเหมือนเมื่อก่อน ท้องฟ้าได้รับรู้เรื่องราว ก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็กลับลงไปไม่ได้ " ฉันกลับลงไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเติบโตขึ้น และอยู่สูงเกินไป ลงไปไม่ได้แล้ว ฉันได้แผ่นขยายตัวเองจนกว้างขวาง ที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่เฝ้ามองดูอยู่ใกลๆ และโอบกอดแผ่นดินและผืนน้ำว้อย่างอ่อนโยนเท่านั้นและถึงแม้จะมีนกบินมาส่งข่าว แต่ฉันก็ยังคิดถึงแผ่นดินและผืนน้ำและอยากจะบอกกับทั้งสองว่า ฉันเองคิดถึงเพื่อนมากมายเพียงใด" ก้อนเมฆก็ตอบว่า " อยู่บนนี้นานๆก็เหงาเหมือนกัน บางทีก็อยากกลับลงไปข้างล่างบ้าง" ท้องฟ้าเลยบอกว่า " ฉันก็เหงาเหมือนกัน แต่วันฉันกลับลงไปไม่ได้ แต่เจ้าลงไปได้นี่ ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งเจ้ากลับลงไป และความคิดถึงของฉันก็หนักมากพอที่จะส่งพวกเจ้าลงไปหมดทั้งท้องฟ้า" จากนั้นก้อนเมฆทั้งหมดก็รวมตัวกัน และรวมเข้ากับความคิดถึงอันมากมายของท้องฟ้า และตกลงมาเป็นหยากฝน ส่งฝ่านความรัก ความคิดถึงมายังแผ่นดินและผืนน้ำ ............................................... จึงไม่แปลก ถ้าเมื่อใดที่ฝนตก แล้วเราจะรู้สึกคิดถึงคนที่เรารัก  คนที่เราผูกพัน และบางครั้ง ท้องฟ้าก็ส่งความเหงาลงมาด้วยแล้วคุณล่ะจะคิดถึงคนที่เรารักบ้างไหมเวลาที่ฝนตก..


 

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แค่คิดถึงมากกว่าเก่า

คนเรานั้นมีช่วงเวลาที่เท่ากันอยู่ที่ใครจะสามารถบริหารได้ดีกว่ากัน และเมื่อการคิดถึงวันเวลาเก่าๆช่วงเวลาที่ผ่านมาในชีวิตนั้นมีเรื่องล่าวให้คิดถึงมากมายทั่งเรื่องดีและไม่ดีล้วนเป็นอดีตที่ผ่านมาแต่บ้างครั่งก็อยากจะย้อนไปแก้ไข้ข้อเรื่องร่าวแต่ก็นะมันไม่ได้หากแต่เรามีสิทธิ์แค่คิดถึงและช่วงเวลาที่มีความสุข
✌️ ขอให้ใช่ชีวิตในเวลาที่มีให้แต่ความสุข

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เช้านี้มากับฝน


เช้านี้ฝนตกที่ กทม แต่คิดถึง ตจว

           จะว่าไปแล้วบรรยากาศฝนตกนี้ก็ดีเย็นสบายเพราะตกตั่งแต่เมื่อคืนแล้วทำให้เรานอนหลับฝันดีแต่ดันตกยันเช้านี้สิ พระเจ้าดิฉันไปทำงานสายแน่ๆๆแต่ก็นะอย่างเราเด็กแว็นๆๆชะอย่างอาจจะเลาะเทอะไปบ้างแต่ก็ถึงที่ที่ทำงานอย่างสวัสดิภาพ แล้วพี่ฝนเขาก็ช่วยให้งานเราสบายเพราะไม่มีลูกค้ามาเพราะในตกเลยฟังเพลงคิดถึงบ้านนอก บรรยากาศ ฝนรินๆกบร้องไอดินกลิ่นฝนที่สูดลมหายใจได้อย่างเต็มปอดโอ้ยคิดถึงบ้าน ฝนตกที่ไรคิดถึงบ้านทุกที ยิ่งตอนเล่นน้ำฝนแล้วไปจับปลาที่มันขึ้นมาจากบ่อจากคลองแล้วสนุกเลยถ้าโชดดีรับรองได้ไอช่อนตัวใหญ่มาแกงส้มแน่ๆคิดแล้วฟินโอ้ยพอและไว้เจอกันไหม 
                                                                                                     

                                                                                                                           จาก คิดถึงคนไกล