หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คุณว่าจริงไหม

ว่าด้วยรัก
คนที่รักเราจริง...ไม่ใช่คนที่คิดว่าเราดีที่สุด...แต่เป็นคนที่ถึงแม้จะเจอใครคนอื่นที่ดีกว่าเรา...แต่เค้าก็จะยังเลือกเราอยู่ !!! "

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บ่ได้ฮัก

อารมณ์ คิดฮอด

คิดถึง ซึ่ง น้ำตาไหล

ความรักที่ยิ่งใหญ่
      

เงิน. 20,000

ให้ 20,000

สามีภรรยากำลังเตรียมตัว จะออกไปข้างนอก 

ขณะที่ภรรยาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และสามีกำลังโกนหนวดอยู่ 

ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น 

"ออกไปดูหน่อยได้ไหม ?" สามีบอก 

ภรรยาจึงสวมเสื้อคลุมอาบน้ำไปที่ประตูทั้ง ที่ผมยังเปียกอยู่ 

เมื่อเปิดประตูเธอก็เห็นเพื่อนบ้านข้างๆ ยืนอยู่ 

เขามองดูเธอครู่หนึ่งแล้วพูดว่า 

"ผมจะให้คุณ 20,000 บาท 

ถ้าคุณเปิดเสื้อคลุมนั่นให้ผมดู" 

เธอหยุดคิดครุ่หนึ่งว่า 20,000 

มันก็ง่ายดีนะ แถมไม่มีใครรู้ด้วย 

เธอจึงเปิดเสื้อคลุมให้เขาดู 

หลังจากที่เขาดูอยู่นาน เขาก็ให้เงินเธอ แล้วก็กลับบ้านไป 

เธอสวมเสื้อคลุมแล้วปิดประตู 

สามีได้ยินเสียงประตูจึงตะโกนถามว่า "ใครเหรอ ?" 

บ้านข้างๆ น่ะ" เธอตอบ

สามีถาม "แล้วเค้าเอาเงินที่..ยืมผมไป 20,000 มาคืนด้วยหรือเปล่า..ที่รัก?"

งูที่น่ารัก

กว่าจะได้ภาพนี้มาพี่ต้องใช่ความกล้ามาก

เมื่ออยากกินต้องกิน

เมนูแซบฝีมือตัวเองค่ะ

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ตัวเรามีค่าเสมอ




อาจารย์คนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ..
ออกมาให้นักศึกษาดู แล้วถามว่า “มีใครอยากได้บ้างไหม” ทุกคนรีบยกมือ \(^o^”)a

อาจารย์ขยำธนบัตรนั้น “จบยับยู้ยี่” .. แล้วถามอีกครั้งว่า “มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่”
.. ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม .. \(^_^)/
… อาจารย์ถามต่ออีกว่า “ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก 
ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่” .. นักศึกษาทุกคน ก็ตอบว่ายังอยากได้ …..อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า ..
“นั้นคือสิ่งมีค่า” ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้! .. ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็ยังคงจะมีราคา 1,000 บาท 
อยู่เสมอ .. ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน
บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใคร ซ้ำเติม, เหยีบย่ำ, ถูกขยี้, ยับเยิน, ..
เพราะความผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าตนเอง “ไร้ค่า”
แต่ รู้มั้ย?.. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี “คุณค่าของความเป็นคน” ..
ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือว่า ยับยู้ยี่ .. “ตัวเราก็ยังมีค่าที่สุดเสมอ” จำไว้ ^^ 

ธนาคารเวลา


บทความนี้ เมื่อท่านอ่านจบ ให้ถามตัวเองว่า
” สิ่งไหนที่สำคัญ สิ่งนั้นทำแล้วหรือยัง ? ”
” คนไหนที่เรารัก ทำดีกับเค้าแล้วหรือยัง ? ”
ลองจินตนาการว่ามีธนาคารแห่งหนึ่งเข้าบัญชีให้คุณทุกเช้า เป็นเงิน 86,400 บาท ไม่มีการยกยอดคงเหลือไปวันรุ่งขึ้น 
ทุกตอนเย็นจะลบยอดคงเหลือทั้งหมดที่คุณไม่ได้ใช้ระหว่างวัน 
คุณจะทำอย่างไร? แน่นอนที่สุดคุณต้องถอนมาใช้ทุกบาททุกสตางค์ ใช่ไหม!!!
เราทุกคนมีธนาคารอย่างนั้นเหมือนกัน ธนาคารแห่งนี้ชื่อว่า “เวลา” มันเข้าบัญชีให้คุณ 86,400 วินาที 
ทุกคืนมันจะถูกล้างบัญชีถือว่าขาดทุนตามจำนวนที่คุณพลาดโอกาสที่จะลงทุนในสิ่งดีๆ มันไม่สะสมยอดคงเหลือ 
ไม่ให้เบิกเกินบัญชี ในแต่ละวันจะเปิดบัญชีใหม่ให้คุณ ทุกค่ำคืนจะลบยอดคงเหลือของทั้งวันออกหมด 
ถ้าคุณเสียโอกาสที่จะใช้ประโยชน์ในระหว่างวัน ผลขาดทุนเป็นของคุณ ไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้ 
ไม่มีการถอนของ “วันพรุ่งนี้” มาใช้ได้ คุณต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยยอดเงินฝากของวันนี้ 
ให้ลงทุนจากเงินฝากเหล่านี้เพื่อได้ผลตอบแทนมาสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อสุขภาพ ความสุข และความสำเร็จ! 
นาฬิกากำลังเดิน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ทำทุกขณะที่คุณมีให้มีคุณค่า! และจำไว้เสมอว่าเวลาไม่คอยใครแม้สักคนเดียว เมื่อวานเป็นอดีต 
พรุ่งนี้ยังยากที่จะอธิบาย วันนี้เป็นของขวัญ เราจึงเรียกว่า “Present



วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ด้วยความรักและกตัญญู



1000บาทเลี้ยงหัวใจพ่อแม่

...เงิน 1000 บาท เลี้ยงหัวใจแม่ อาจารย์ของผมท่านได้ให้ เงินเดือนพ่อและแม่ เดือนละ1000บาท เป็นประจำทุกเดือน ผมสงสัยทำไมต้องให้เงิน พ่อแม่เดือนละ 1000. บาท? ในเมื่อแม่ก็อยู่บ้าน หลังเดียวกับอาจารย์อยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับท่าน อาจารย์ก็จัดการทั้งหมดอยู่แล้ว วันหนึ่งสบโอกาศผมจึงตัดสินใจ ถามอาจารย์ ว่า "อาจารย์กำลังทำอะไรครับ?" อาจารย์ตอบว่า "ผมกำลังตัดรายจ่ายอยู่...ผมต้องจ่ายค่าแม่ครัว คนขับรถ คนสวน ค่าใช้จ่ายในบ้าน และให้แม่อีกเดือนละ 1000 บาท... ตอนนี้รายได้กับรายจ่ายมัน ไม่ค่อยสัมพันธ์กัน ต้องตัดรายจ่ายลงบ้าง" ผมเลยบอกว่า "เงินเดือนที่ให้แม่ 1000 ตัดได้นี่ครับ... อาหาร 3 มื้อ อาจารย์ก็จัดให้ท่านเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ซื้อให้ใหม่ปีละ 3 ชุด ไม่สบาย อาจารย์ก็พาหมอมาฉีดยาให้ คุณแม่ตาบอดไม่ได้ไปไหน ฉะนั้นเงินเดือน 1000 นี่ ตัดได้ครับ" อาจารย์บอกว่า "ตัดไม่ได้เด็ดขาด...1000 บาทนี่สำคัญที่สุด เพราะ...เป็นเงินสำหรับเลี้ยง หัวใจแม่!" ผมฟังแล้วสะอึก! "เงินเลี้ยงหัวใจแม่"...พวกเราเคยได้ยินไหมครับ? อาจารย์บอกต่อ หัวใจต้องการอาหารที่มา หล่อเลี้ยงให้เอิบอิ่ม เบิกบาน เป็นสุข... คุณลองนึกดู...คนที่ไม่มีเงินอยู่ในตัวเลยนี่ เป็นยังไง? หัวใจมันแฟบ หัวใจมันเหี่ยวเฉา-เหมือนดอกไม้ยามเย็น ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนจะรู้ พอเลยวันที่ 25 ไปแล้วนี่ มันเหี่ยวๆ ยังไงชอบกล ไม่มีเงินค่ารถ..ค่าอาหาร..ซื้อข้าวสาร..มันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน แม่อยู่กับเราก็จริง แต่ถ้าแม่ไม่มีเงินอยู่ในมือนี่ หัวใจท่านเหี่ยว พอถึงวันเงินเดือนออก ทุกคนหน้าบานเหมือนดอก ไม้ยามเช้า จิตใจสดชื่นเบิกบาน มีความสุข รับเงินเดือนมาใหม่ๆหน้า สดใส สั่งกาแฟยังเสียงดัง ฟังชัด ทุกสิ้นเดือนพอเงินเดือน ออก ผมเข้าไปสวัสดีแม่ บอกแม่ว่า วันนี้เงินเดือนออกครับ ผมเอาเงินใส่มือแม่1000 บาท แม่ก็ให้พร เเล้วเก็บเงินไว้ใต้หมอนอย่างมีความสุข" 1000.-บาท เลี้ยงหัวใจแม่อย่างไร? วันหนึ่งน้องของอาจารย์พา ภรรยาไปคลอดลูก คุณแม่ก็ซื้อทองให้หลาน ด้วยเงิน 1000 บาท ที่เก็บสะสมไว้ ท่านกอดหลานสาว...สวมสร้อยให้พร้อมให้พร พอเด็กคนนี้โตพอพูดได้ มีคนถามว่าสายสร้อยนี้ใคร ซื้อให้ เด็กก็จะตอบว่า คุณย่าซื้อให้ชี้มือไปที่คนตาบอด คนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือคุณย่า ไม่ใช่พ่อแม่ เพราะเงิน 1000 บาท นี่ทำให้คนตาบอดดูน่าเกรงขราม ถ้าคุณแม่ไม่มีเงิน จะรับขวัญหลานได้อย่างไร ? เห็นไหมครับ ? ไม่ใช่ว่าพอโตขึ้น มีคนถามว่าคนนี้เป็นใคร เด็กบอกว่ายายแก่ตาบอดที่..มาอาศัยพ่อแม่ฉันอยู่ เห็นหรือยังคุณว่าเงินเดือน 1000 บาทนี่ทำให้คนแก่ตา บอดมีคุณค่าขึ้นมาได้ วันดีคืนดี แม่ครัวล้างชามเสร็จ คุณแม่ก็บอกให้มานวดขาให้แม่ครัวหน้ามุ่ยทำงาน เหนื่อยยังต้องมานวดให้อีก นั่งขยำๆคว่ำหน้า พอนวดเสร็จคุณย่าหยิบ เงินให้ 100 บาท แม่ครัวยิ้มหน้าบาน ยกมือไหว้ ขอบคุณค่ะ วันรุ่งขึ้นพอล้างจานเสร็จ รีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ... วันนี้นวดอีกไหมคะคุณย่า? เห็นไหมเงินเดือน 1000 บาท ที่เราให้แม่ของเรามี ฤทธิ์ขึ้นมาได้มีคนมายกมือ ไหว้ มีคนมาปรนนิบัติ มีคนมานวดให้ ถ้าไม่มีเงินเดือน 1000 บาท นี้แม่เราจะมีฤทธิ์ ได้อย่างไร? บันไดไปสวรรค์ด้วยเงิน 1000 บาท วันหนึ่ง กำนันมาที่บ้านอาจารย์ หารือจะปรับปรุงห้องน้ำ วัดที่ชำรุดทรุดโทรม แม่อาจารย์ได้ยินกวักมือ เรียกอาจารย์ แล้วคุณแม่ยกหมอนขึ้น นับเงินมา 5000 บาท บอกเอาไปให้ กำนันปรับปรุงห้องน้ำ เห็นมั๊ยว่าเงินเดือน 1000 ที่เราให้เป็นบันไดพาแม่ ไปสวรรค์...นี่ถ้าแม่ไม่มีเงินในมือแม่ จะได้ทำบุญไหม? พอกำนันรับเงินเสร็จ ก็เดินผ่านไปบ้านถัดไป ลุงแก่ๆบ้านโน้นกำลังเก็บผ้าอยู่ในบ้าน กำนันตะโกนข้ามรั้ว ทำบุญสร้างส้วมไหมลุง? ลุงข้างบ้านตอบ ลุงไม่มีเงินหรอก ลุงอาศัยลูกสาวเขาอยู่ เดี๋ยวเผื่อลูกสาวเขากลับมาทันจะขอเงินเขาทำบุญเพราะลูกเค้าไม่ได้ให้เงิน เดือนลุง ลุงคนนี้เป็นเพียงแค่คน เก็บผ้าของ ลูกๆ ลุงคนนี้ไม่มีเงิน เพราะลูกเอามาเลี้ยง เอาไว้คอยเก็บผ้า! เป็นยังไงบ้างครับ....เห็นอิทธิฤทธิ์ของเงิน 1000 บาท..."เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยังครับ วันนี้เราให้ "เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยัง ?


นิทานสอนใจ




รูปภาพของ ฝันกลางวัน





เรื่องเศรษฐีกับชาวนา
เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา เป็นสวนกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว
เศรษฐีบอกชาวนาว่า "ท่านเป็นหนี้สินข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ข้า จะยกเลิกหนี้สินทั้งหมดให้"
ชาวนาไม่ตกลง
เศรษฐีบอกว่า "ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาจากสวนกรวดใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว
ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า
แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานกับข้า และแน่นอน ข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย"
ชาวนาตกลง
เศรษฐีหยิบกรวดสองก้อนใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่ากรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำ
เธอจะทำอย่างไร?
หากเธอไม่เปิดโปงความจริง ก็ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง
หากเธอเปิดโปงความจริง เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอก็จะยังคงเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน
ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้น กลืนหายไปในสีดำและขาวของสวนกรวด
เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า "ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้
ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูสีกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่า กรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร"
ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ
"...ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว"
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
"หากเราพยายามมากพอที่จะแก้ไขปัญหา
เราจะพบว่าทุกปัญหาย่อมมีวิถีทางแก้ไขเสมอ"