หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สังคมวัยเกษียน






 มนุษย์ทุกคนไม่อาจปฏิเสธเรื่องของเวลาได้ วิทยาศาสตร์พยายามเรียนรู้และทดลอง
เรื่องของการย้อนอดีต และการก้าวข้ามกาลเวลา ทั้งนี้เพื่อที่จะเข้าไปแก้ไขอดีตซึ่งผ่านมาแล้ว และต้องการแก้ไขอนาคต ซึ่งยังมาไม่ถึง แต่ตนสามารถเข้าถึงเครื่องมือแห่งอนาคตไดันั่นยังเป็นเพียงแค่จินตนาการของมนุษย์เท่านั้น
จินตนาการเหล่านั้นได้ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของหนังวิทยาศาสตร์ สามารถทำเงินได้มหาศาล เพราะมนุษย์ทุกคนอยากแก้ไขอดีต และอยากรู้กาลล่วงหน้านั่นเอง แต่ละครก็ยังคงเป็นละคร แม้ว่าเรื่องของละครจะเป็นจริงบ้างก็ตาม แต่ก็เป็นส่วนน้อย เพราะละคร มุ่งสร้างความบันเทิงเท่านั้น หาได้มุ่งแสวงหาความจริงไม่
เมื่อเราไม่อาจเข้าถึงคัมภีร์หยุดเวลาได้ เราก็ไม่อาจเข้าถึงอดีต และอนาคตได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะมองเห็นสรรพสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามกฎของไตรลักษณ์ คือ สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา เราเคยเป็นเด็ก เคยเป็นผู้ใหญ่ และหลายคนเริ่มย่างเข้าสู่วัยชรา ซึ่งหลาย ๆคนรับไม่ได้ และพยายามปฏิเสธตลอดเวลา
"ไม๊นะ ฉันยังไม่แก่ อย่ามาพูดเรื่องแก่กับฉันนะ" ใครบางคนตะโกนลั่นใส่หูใครบางคน
เสียงนั้นได้ยินไปถึงหูของนักการตลาด จึงเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆเพื่ออำพรางความแก่ขึ้นมา เช่น ยาย้อมผมดำ อาหารเสริม เครื่องสำอางต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการศัลยกรรมเพื่อความงาม ทั้งนี้เพื่อชะลอความแก่นั่นเอง
เดี๋ยวนี้ มี app ช่วย เวลาเซลฟี่ หลายคนใช้ app ช่วย เพื่อนของฉันคนหนึ่งเอารูปผู้หญิงสวยคนหนึ่งใน สมาร์ทโฟน ให้เพื่อนๆ ดู
เพื่อนคนหนึ่งซึ่งชำนาญเรื่องไอที ตะโกนลั่น "มึงโดนหลอกแล้ว
ภาพนี้อย่างน้อยใช้สอง app"
"พระเจ้าช่วย นี่มันอะไรกัน โลกเจริญไปถึงไหนกันแล้วนี่ ฉันตามไม่ทันมันจริงๆ เลยแยกไม่ออกระหว่างของจริงกับของปลอม" เพื่อนของฉันอุทาน
เมื่อเราอยู่ในสังคมผู้สูงอายุ พวกเขาเหล่านั้น มักพูดว่า น่าอิจฉาเราจริงๆ ที่อายุไม่เยอะ ยังทำอะไรได้ตั้งมากมาย พวกเขามีเงินเยอะแยะมากมาย จะซื้อหาอะไรก็ได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขา มีเวลาในการอยู่บนผืนโลกนี้น้อยเต็มที
"ดูเหมือนว่า เงินกับเวลาเริ่มสวนทางกัน"
"ถ้าย้อนเวลาได้ คุณจะกลับไปแก้สิ่งใดบ้าง" ผมเคยถามผู้สูงอายุหลาย ๆท่าน บางคนพูดว่า
"เมื่อก่อนลำบากมาก ผู้คนดูถูก ไม่ค่อยมีความรู้ ไม่ค่อยมีประสบการณ์ ไม่ค่อยมีเงิน ต้องลองผิดลองถูก ถ้าย้อนเวลาได้ฉันจะขอกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ขอให้มีเงินเท่าเดิมนะ"
"ฉันอิจฉาพวกเธอจริงๆ ที่อายุยังน้อย ๆกัน ยังมีเวลาทำอะไรได้ตั้งเยอะ"
แน่นอนว่า เมื่อคนหนุ่มอยู่ในหมู่คนแก่ หรือผู้สูงวัย พวกเขาย่อมมองคนที่อายุน้อยกว่ายังเด็กมาก บางคนก็มองเด็กด้วยความเอ็นดูและส่งเสริม แต่หลายคนก็จ้องเอาเปรียบเด็ก ซึ่งอ่อนโลกมากกว่า
กิเลสมนุษย์ ห้ามกันไมไ่ด้จริง ๆ อยู่ที่การฝึกจิตตนเอง บางคนยิ่งแก่ยิ่งสะสมกิเลส บางคน ยิ่งแก่ยิ่งปล่อยวาง เราควรเรียนรู้เรื่องที่ดี ๆจากคนแก่ผู้สูงวัย และควรทิ้งเรื่องแย่ ๆของพวกเขาไว้ที่เขา
เมื่อเข้าไปสู่สังคมผู้อ่อนเยาว์และอ่อนโลก พวกเขาย่อมองว่า เด็กในสังคมผู้สูงวัยคนนั้น เป็นคนแก่ เพราะมีอายุมากกว่าพวกเขา เด็ก ๆจะนับอายุกัน เพื่อที่จะได้เรียกถูกว่า ควรจะเรียก ลุง ป้า น้า อา หรือว่าพี่ ถึงจะถูกต้องและเหมาะสม แน่นอนว่า ทุกคนพอใจที่มีคนเรียกตนเองว่า "น้อง" เพราะฟังแล้วยังดูเด็กอยู่เสมอ และคนที่เป็นเด็กมักจะได้รับการเอื้อเฟื้อสิ่งที่ดีงามจากสังคมก่อนเสมอ เพราะเขายังเป็นเด็ก
...แต่เดี๋ยวก่อน..โลกกำลังจะเปลี่ยนไปในยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้เข้มแข็งกว่า กำลังไล่ล่าและบดขยี้ผู้ที่อ่อนแอกว่า พวกเขามี เงินทอง และพละกำลังมากกว่า พวกเขามีเครื่องมือในการเอาเปรียบเราได้มากกว่า นั่นเป็นสิ่งที่ สังคมผู้อ่อนโลกต้องเรียนรู้เอาไว้ให้มาก เรื่องบางเรื่องก็หนักเกินกว่า ที่เด็กน้อยจะรับรู้และเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่ พวกเขาต้องเผชิญด้วยตนเอง แล้วพวกเขาจะรู้ว่า ควรจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะอยู่อย่างเหนือโลกได้
วันหนึ่ง เด็กน้อยจะโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้สูงวัย แล้วก็แก่ชรา
สังคมไทยกำลังย่างเข้าสู่วัยชรา ผู้สูงวัยมีมากขึ้น อนาคตของผู้สูงวัย คือสูงวัยยิ่งขึ้น ส่วนอนาคตของเด็กน้อย คือโตเป็นผู้ใหญ่
โปรดปล่อยวางโลกในมือของผู้สูงวัยเถิด ก่อนที่ท่านจะหมดแรงและไม่มีแรงจะไขว่คว้า โปรดให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ได้คิด พูด และทำ ให้พวกเขาได้ ลุกขึ้นยืน และกล้าแสดงออก ท่านได้แสดงออกมาตั้งครึ่งค่อนชีวิตแล้ว ท่านรู้แล้วว่าโลกเป็นเช่นไร แต่เด็กน้อยยังต้องเรียนรู้โลกอีกมากมาย
โปรดถอยออกมา ให้เด็ก ๆได้แสดง "ละครแห่งชีวิต" ในบทบาทที่เขาอยากแสดง ทุกคนทำได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น